การทำ SEO (Search Engine Optimization) คือการปรับแต่งและพัฒนา เว็บไซต์ เพื่อเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับ ในหน้าผลการค้นหาของเว็บไซต์ที่ให้บริการค้นหา เช่น Google โดยเน้นที่การปรับปรุงคอนเทนต์บนเว็บไซต์ โครงสร้าง และการตั้งค่าต่าง ๆ ในเว็บไซต์ เพื่อทำให้เว็บไซต์ของคุณตรงกับความต้องการของผู้ค้นหา
SEO สามารถแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่ On-Page SEO และ Off-Page SEO
On-Page SEO
การปรับแต่งองค์ประกอบบนเว็บไซต์ของคุณ เช่น การใช้คำค้นที่ตอบโจทย์ ในบทความและหัวเรื่อง การใช้การเพิ่มแท็ก เช่น Meta Title และ Meta Description เพื่อให้ Google และเครื่องมือค้นหาต่าง ๆ เข้าใจ และจัดอันดับเว็บไซต์ได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังรวมถึงการทำให้เว็บไซต์มีความเร็วในการโหลดสูง ใช้งานง่ายทั้งบนคอมพิวเตอร์และมือถือ และการเชื่อมโยงลิงก์ภายในที่ดี
Off-Page SEO
คือการปรับแต่งปัจจัยภายนอกเว็บไซต์ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ เช่น การสร้างลิงก์ย้อนกลับ (Backlinks) จากเว็บไซต์อื่น ๆ การแชร์เนื้อหาบนเครือข่ายสังคม หรือการทำให้เว็บไซต์มีบทวิจารณ์เชิงบวกจากผู้ใช้งาน
การทำ SEO ที่ดีช่วยทำให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏในผลการค้นหาได้ดี และ การดึงดูดผู้ชมโดยไม่เสียค่าโฆษณา ซึ่งหมายถึงการที่ผู้ใช้งานค้นหาและเข้าถึงเว็บไซต์ของคุณ โดยตรงผ่านเครื่องมือค้นหาโดยไม่ต้องลงทุนในโฆษณาออนไลน์ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่ม การได้รับความเชื่อมั่น ของเว็บไซต์ในสายตาของผู้ใช้งาน เพราะยิ่งติดอันดับสูง ยิ่งมีโอกาสที่ผู้ใช้งานจะไว้ใจ
การทำ SEO ยังมีความสำคัญอย่างมากต่อการทำธุรกิจบนอินเทอร์เน็ต เพราะยิ่งเว็บไซต์ติดอันดับในผลลัพธ์การค้นหาที่ดี โอกาสในการดึงดูดลูกค้า และการสร้างรายได้ก็จะมากขึ้นด้วย SEO ไม่ใช่เพียงแค่การใส่คีย์เวิร์ดลงในบทความ เท่านั้น แต่ต้องรวมถึงการปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้งานโดยรวม เพื่อให้เว็บไซต์นั้นทั้งน่าสนใจและใช้งานง่าย
สรุปแล้ว SEO เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญสำหรับการตลาดดิจิทัล ที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโต